th | en

กรุณาอธิบายประวัติความเป็นมาของ ASAP

เราเริ่มต้นจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์นิสสันในปี 2538 และได้ขยายไปเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์โตโยต้าในปี 2548 ขณะที่เราศึกษาโอกาสในการหาลูกค้าใหม่ เราก็ได้พบว่าลูกค้าใหม่ส่วนใหญ่นั้นมองหารถเช่าแทนการซื้อ ซึ่งเป็นที่มาของการก่อตั้งบริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด ขึ้นในปี 2549 ดำเนินธุรกิจให้บริการรถเช่าระยะยาว จากนั้นบริษัทฯ ก็ได้เพิ่มจำนวนและความหลากหลายของรถยนต์เช่า และได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนมีนาคม ปี 2560

กรุณาอธิบายโครงสร้างธุรกิจของ ASAP

ปัจจุบันเรามีธุรกิจหลักอยู่ 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือบริการรถเช่าระยะยาว ส่วนกลุ่มที่สองคือบริการรถเช่าระยะสั้นแบบไม่มีคนขับรถ สำหรับกลุ่มแรก การบริการจะครอบคลุมถึงการบริหารจัดการรถยนต์ครบวงจร อาทิ การจัดหารถ การปรับแต่งรถ การบำรุงรักษา การจัดหารถทดแทน เป็นต้น โดยมีอายุสัญญาตั้งแต่ 4-5 ปี ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ใช้บริการรถเช่าโดยไม่มีคนขับ แต่ก็จะมีบางส่วนที่เช่ารถพร้อมบริการคนขับรถด้วย ลูกค้าของเราส่วนมากเป็นองค์กรขนาดใหญ่ อาทิ เทสโก้ ยูนิลีเวอร์ สถาบันการเงินและองค์กรภาครัฐ ในส่วนของบริการรถเช่าระยะสั้นแบบไม่มีคนขับนั้น เรามุ่งเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ และนักเดินทางทั่วไป ปัจจุบันเรามีรถเช่าทั้งหมดกว่า 10,000 คัน ยี่ห้อโตโยต้า ฮอนด้า และนิสสัน ประกอบด้วยรถยนต์โดยสาร รถตู้ และรถกระบะ

ASAP มีเปิดบริการอะไรใหม่ๆบ้าง และในอนาคตมีแผนเพิ่มบริการในเรื่องใด

เรามีความตั้งใจขยายบริการที่เกี่ยวกับรถยนต์อย่างต่อเนื่อง เพราะเรามองเห็นโอกาสมากมายในการสร้างมูลค่าเพิ่ม ในช่วงปลายปี 2558 เราได้เปิดตัวการบริการรถเช่าระยะสั้นโดยไม่มีคนขับภายใต้ชื่อ “asap” ในสนามบินในประเทศไทย ปัจจุบันเรามีเคาน์เตอร์รถเช่าในสนามบินทั้งหมด 7 แห่ง และวางแผนจะขยายไปถึง 10 แห่งในปลายปีนี้ ในช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2559 เราได้เปิดตัวบริการรถเช่าพร้อมคนขับ โดยพ่วงบริการบริหารจัดการรถเช่า โดยในปัจจุบันเรามีพนักงานขับรถเกือบ 150 คน นอกจากนั้นเรายังได้เปิดตัวบริการที่เรียกว่า “asap Go” ซึ่งเป็นบริการที่มีการชำระเงินเมื่อมีการเดินทาง ในเบื้องต้นเราวางกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าองค์กร และมีแผนจะนำรถยนต์เข้าให้บริการในอาคารสำนักงาน 30 แห่งในกรุงเทพฯ ภายในปลายปีนี้ ลูกค้าสามารถใช้โทรศัพท์มือถือจองรถและชำระเงินค่าบริการ โดยเราได้ตั้งอัตราค่าบริการที่แตกต่างกันไป ซึ่งเรามองว่าเป็นการบริการที่น่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้าในฐานะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการเดินทาง รถยนต์เหล่านี้จะจอดไว้ในจุดที่มีความสะดวกสบาย สุดท้าย เรากำลังจะเปิดตัวบริการ “asap Auto Park” ซึ่งเป็นศูนย์บริการรถยนต์สำหรับบริการรถเช่าระยะสั้นแบบไม่มีคนขับ ประกอบด้วยพื้นที่จำหน่ายรถยนต์มือสอง และบริการซ่อมบำรุง อนึ่ง asap Auto Park แห่งแรกจะตั้งอยู่บนนถนนบางนา-ตราด กม.12 ใกล้กับทางเข้าฝั่งใต้ของสนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีเป้าหมายจะเปิดตัวในไตรมาสแรกของปี 2561 โดยศูนย์บริการแห่งแรกนี้ บริษัทฯ เป็นเจ้าของและดำเนินการเอง 100% และในอนาคตเรามีแผนจะดำเนินการในรูปแบบแฟรนไชส์และขยายสาขาไปยังพื้นที่ที่รถไฟความเร็วสูงวิ่งผ่าน

ASAP แตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร

ความหลากหลายของรถยนต์ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย การสนับสนุนทางการเงิน และนวัตกรรมเป็น 3 องค์ประกอบหลักที่นำไปสู่ความสำเร็จของธุรกิจนี้ เราสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ ยกตัวอย่างเช่น เราได้ขยายจำนวนรถยนต์ถึง 2,000 คันในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560 และในครึ่งปีหลังเราวางแผนจะขยายในจำนวนเท่ากันหรืออาจมากกว่า ประการที่สองก็คือเรื่องการเงิน เราโชคดีที่สถาบันการเงินต่างให้การสนับสนุนเราเป็นอย่างดีตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนความสามารถของเราในการบริหารจัดการทรัพย์สินและหนี้สินอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นเมื่อเราจำเป็นต้องขยายธุรกิจเพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้า เราจึงสามารถได้รับการสนับสนุนทางการเงินที่จำเป็นอย่างเต็มที่ ประการสุดท้ายก็คือนวัตกรรม ซึ่งมาในรูปแบบของการบริการใหม่ๆ เช่น asap Go, asap Auto Park และโครงการอื่นๆ ที่เรามีแผนจะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้ นวัตกรรมอาจมาในรูปแบบของการบริหารจัดการรถยนต์ โดยเรามีแนวทางว่ารถยนต์ทุกคันจะต้องวิ่งมาแล้วไม่เกิน 50,000 กิโลเมตร ซึ่งเป็นรถที่ค่อนข้างใหม่ มีคุณภาพดีและสะอาดเมื่อเทียบกับเจ้าอื่นในตลาด นอกจากนั้น เมื่อรถยนต์มีอายุครบ 5 ปี เราก็จะขายต่อโดยการประมูล ทำให้มั่นใจว่าเรามีรถยนต์ที่ทันต่อยุคสมัยและมีการหมุนเวียนด้านการเงินที่ดี นอกจากนั้นเรายังจัดสรรรถยนต์ในสัดส่วน 7% สำหรับเป็นรถสำรองทดแทนกรณีเกิดอุบัติเหตุ

อะไรคือความเสี่ยงที่มีนัยยะสำคัญที่สุดต่อธุรกิจของคุณ

ความเสี่ยงส่วนใหญ่จะมาจากปัจจัยภายในเนื่องจากเรามีความเข้าใจในธุรกิจและอุตสาหกรรมเป็นอย่างดี ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเราว่าจะสามารถจับโอกาสได้หรือไม่ ปัจจุบันเวลาเราเดินทางจากรุงเทพไปเชียงใหม่ หลายๆ คนเลือกเดินทางโดยเครื่องบินเนื่องจากสายการบินต้นทุนต่ำนั้นมีต้นทุนการเดินทางที่ถูกกว่าการขับรถไปเองมาก แต่เมื่อเราเดินทางไปถึงจุดหมายแล้ว เราจำเป็นต้องมีรถยนต์ในการเดินทางไปที่ต่างๆ ในอนาคต แม้เราจะมีรถไฟความเร็วสูงและต้นทุนการเดินทางอาจลดลงอีก แต่อย่างไรก็ตามลูกค้าก็ยังคงมีความต้องการใช้รถยนต์เมื่อเดินทางถึงจุดหมายปลายทางแล้ว การที่เราสามารถมองเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างดังกล่าว และสามารถที่จะพัฒนาธุรกิจให้ก้าวหน้าทัดเทียมการเปลี่ยนแปลงนั้นจะเป็นปัจจัยที่ส่งให้ธุรกิจของเราประสบความสำเร็จได้อย่างต่อเนื่อง

คุณมองภาพของ ASAP เป็นอย่างไรในอีก 5 ปี ข้างหน้า

เราตั้งเป้าหมายที่จะเป็นมากกว่าแค่ผู้ให้บริการรถเช่า เราได้ดำเนินการเบื้องต้นในการเปิดตัวบริการใหม่ซึ่งทำให้เราสามารถขยายฐานลูกค้าและรุกตลาดใหม่ได้ เช่นในกรณีของ asap Auto Park นั้นเราก็กำลังดำเนินการขายรถยนต์ ซึ่งผู้ซื้อส่วนมากก็คือตัวแทนจำหน่ายรถมือสอง ซึ่งจะบวกกำไรอีก 25-30% เพื่อขายต่อ หนึ่งในเป้าหมายของเราในส่วนของ asap Auto Park ก็คือมองหาโอกาสในตลาดค้าปลีก ในความเห็นส่วนตัว เรามีแผนการและทางเลือกที่หลากหลาย ในอดีตเราสามารถสร้างการเติบโตได้เฉลี่ย 25-30% ต่อปี และเราตั้งใจว่าจะรักษามาตรฐานการเติบโตในอัตรานี้ต่อไปในอนาคต ไปสู่เป้าหมายของการมีรถยนต์ในบริการทั้งหมด 20,000 คันภายในระยะเวลา 5 ปี ตลอดจนจัดหาบริการที่สร้างมูลค่าเพิ่มอย่างครบวงจรให้กับลูกค้าในประเทศไทย


The Executive Talk Interview จัดทำโดย ShareInvestor ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำในเอเชียด้านสื่อออนไลน์ทางการด้านเงินและเทคโนโลยี และมีเครือข่ายนักลงทุนสัมพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถส่งอีเมล์มาที่ admin.th@shareinvestor.com เว็บไซต์: www.ShareInvestorThailand.com